คิสมี เมล่อน

เมล่อน เนื้อส้ม หวาน กรอบ กับกลิ่นหอมอันโดดเด่น ยามสุกจะสามารถได้กลิ่นเพิียงเดินผ่าน การเก็บ Baramee Melon นอกจากจะดูจากลัษณะของใบ หนวดที่เหี่ยว กลิ่นหอมจากผลจะเป็นตัวเลือกที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการตัดสินใจตัดผลเมล่อนพันธุ์นี้ เพราะจะได้เมล่อนที่สุกเต็มที่ กลิ่น รสชาติ สีเนื้อ ความหวานพัฒนาไปถึงขีดสุด แม้จะผ่าทานสดๆ ก็ยังได้รสชาติที่ดี เนื้อกรอบ ยิ่งเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง 4-7 วันก็จะได้เนื้อที่ฉ่ำนุ่มขึ้น กลิ่นหอมมากขึ้น

●ระยะเวลาจะประมาณ 40-45วัน หลังจากผสมดอกแล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ และฤดูกาลด้วย
●โดยในช่วงระยะผลเริ่มสุก ความต้องการน้ำของเมล่อนจะลดน้อยลง
●ตาข่ายเริ่มขึ้นนูนเห็นได้ชัด สีเริ่มเขียวเข้ม
●ดูที่ก้นผล ถ้าก้นผลนิ่ม แสดงว่าสุกมากเกินไป
●ต้นต้องไม่มีโรค
●ตรงขั้วของผลจะยกนูนขึ้น
●ในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ไม่ควรวางเมล่อนไว้บนพื้น ควรหาภาชนะมาใส่จะดีที่สุด
●ควรเก็บไว้ในที่อุณหภูมิไม่สูงและไม่โดนแดด เพื่อลดการหายใจของตัวเมล่อน

คุณสมบัติ

● ลดความดันโลหิตสูง เมล่อนเป็นผลไม้ที่มีโซเดียมต่ำและมีโพแทสเซียมสูง อาจช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้แข็งแรง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจอีกด้วย
● บำรุงกระดูก ในเมล่อนอุดมไปโฟเลต วิตามินเค และแคลเซียม ที่มีส่วนสำคัญในการบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันการสึกหรอของกระดูกและช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรง
● เพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว หลังการออกกำลังกาย เพียงรับประทานเมล่อนหรือน้ำเมล่อน จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้คุณพร้อมเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวอีกด้วย
● เสริมคอลลาเจนให้ผิว เมล่อนมีวิตามินซีสูง ที่มีความเกี่ยวข้องในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนช่วยในการซ่อมแซมผิวหนังไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนวัย นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพในปกป้องผิวอีกด้วย
● เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นที่ทราบกันดีว่า วิตามินซี นั้นช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ปกป้องผิวจากแสงแดด ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจและรักษาระบบต่างๆภายในร่างกาย เช่น โรคปอดบวมและโรคไขข้อ
● ระบบย่อยอาหาร เมล่อนนั้นมีไฟเบอร์ ที่ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้
●บำรุงดวงตา สารประกอบแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ในเมล่อนช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยให้การมองเห็นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การดูแลรักษา
วางลูกเมล่อนในแนวตะแคงไม่ให้ก้นลูกโดนพื้น วางลูกเมล่อนในที่ที่อากาศถ่ายเทสดวก โดยเฉพาะบริเวณก้นลูก การเเช่เย็นเมล่อน ควรแช่ที่อุณหภูมิ 3-7 องศา และมีความชื้นสัมผัสสูง ที่สำคัญไม่ควรแช่แข็งเมล่อน หากผ่าแล้ว ควรเก็บเมล่อนส่วนที่ยังไม่ได้รับประทานโดยไม่ปาดเมล็ดออกจากเนื้อ จากนั้นใช้พลาดสติกหุ้มส่วนเนื้อไม่ให้สัมผัสอากาศ เพื่อรักษารสชาติผิวสัมผ้สของเนื้อและกลิ่นหอมของเมล่อน.